logo

ข่าวเศรษฐกิจรอบโลกประจำวันที่ 23 เมษายน 2567

  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.06 จุด หรือ -0.06% มาอยู่ที่ระดับ 106.12 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวลดลง -0.03 % มาอยู่ที่ระดับ 4.611% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.03 % มาอยู่ที่ระดับ 4.973% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.36% อยู่ในภาวะ inverted yield curve
  • ผู้ว่าการธนาคารกลางเอสโตเนีย และสมาชิกสภาบริหารธนาคารกลางยุโรป กล่าวว่า เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลที่อีซีบีจะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกบ้างภายในปลายปีนี้ หลังการลดดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนมิ.ย. ถ้าหากเศรษฐกิจมีพัฒนาการไปตามที่คาดไว้
  • คริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนอาจลดลงอีก และอีซีบีอาจลดอัตราดอกเบี้ย ถ้าบรรลุเงื่อนไขการเพิ่มขึ้นของราคาในระยะยาว
  • ว่าการธนาคารกลางฝรั่งเศส และสมาชิกสภาบริหารธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวว่า สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางอาจจะไม่ดันราคาพลังงานสูงขึ้น และไม่น่ากระทบแผนการของอีซีบีที่จะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.
  • หัวหน้าคณะผู้แทนด้านญี่ปุ่นของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กล่าวว่า บีโอเจจำเป็นจะต้องใช้ความระมัดระวังในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพราะว่าสัญญาณบ่งชี้บางอันสำหรับการคาดการณ์เงินเฟ้อในตลาดญี่ปุ่นยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับเป้าหมายที่บีโอเจตั้งไว้ที่ 2%
  • รองประธานฝ่ายให้คำปรึกษาด้านความเสี่ยงทางการเมืองจากบริษัท Teneo เปิดเผยว่า มีความเป็นไปได้ที่ทางการญี่ปุ่นและเกาหลีใต้จะร่วมมือกันในการแทรกแซงตลาดปริวรรเงินตราเพื่อสกัดการอ่อนค่าของสกุลเงินในประเทศ โดยได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐ
  • สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า PBOC คงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปีไว้ที่ระดับ 3.45% ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปีของจีนเป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้น นอกจากนี้ PBOC ยังได้คงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีไว้ที่ระดับ 3.95% ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์เช่นกัน โดยอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีเป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยระยะยาว เช่น อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง
  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนช้อนซื้อหุ้นหลังจากตลาดดิ่งลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่เพื่อประเมินความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ เช่นผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ
  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,239.98 จุด เพิ่มขึ้น 253.58 จุด หรือ +0.67%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,010.60 จุด เพิ่มขึ้น 43.37 จุด หรือ +0.87%
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,451.31 จุด เพิ่มขึ้น 169.30 จุด หรือ +1.11%
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันจันทร์ เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางลดน้อยลง ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เช่นหุ้น
  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -65.17 เหรียญ หรือ -2.72% อยู่ที่ระดับ 2,326.9 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 67.40 เหรียญ หรือ 2.79% ปิดที่ $2,346.40 เหรียญ
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 160.7 เซนต์ หรือ 5.52% ปิดที่ 27.521 เหรียญ
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 12.50 เหรียญ หรือ 1.32% ปิดที่ 931.30 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 831.9 ตันภาพรวมเดือนเมษายน ซื้อสุทธิ 1.75 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. – ปัจจุบัน ขายสุทธิ 47.21 ตัน
  • นักวิเคราะห์วอลล์สตรีทส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าราคทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นในสัปดาห์หน้า ผลสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์ 14 คน โดย Kitco News ชี้ว่า 10 คน (71%) มองว่าราคาทองคำจะเพิ่มขึ้น ในขณะที่ 3 คน (21%) เชื่อว่าราคาจะทรงตัว และมีเพียง 1 คน (7%) ที่คาดการณ์ว่าราคาจะลดลง
  • นักวิเคราะห์จากบริษัท TD Securities กล่าวว่า ความเสี่ยงที่จะเกิดการล้างแค้นตอบโต้กันในตะวันออกลางในขณะนี้มีน้อยลงแล้ว ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะเดียวกันนักลงทุนหันไปจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ เพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยคาดว่าราคาทองคำอาจจะกลับมาทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง หากดัชนี PCE ส่งสัญญาณถึงการชะลอตัวของเงินเฟ้อ
  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ หลังจากนักลงทุนประเมินว่าความเสี่ยงที่สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันนั้น มีไม่มากนักในระยะเวลาอันใกล้นี้
  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 29 เซนต์ หรือ 0.35% ปิดที่ 82.85 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 29 เซนต์ หรือ 0.33% ปิดที่ 87.00 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ปรับขึ้นตัวเลขคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะอยู่ที่ 86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงครึ่งหลังของปี 2024 โดยปรับขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ 85 ดอลลาร์ และคาดว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะอยู่ที่ 82 ดอลลาร์ในปี 2025 โดยปรับขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ 80 ดอลลาร์
  • โทมัส วาร์กา นักวิเคราะห์จากบริษัท PVM แสดงความเห็นว่า การพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคาน้ำมันจะเกิดขึ้นหากช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือที่สำคัญของโลกถูกปิด หรือกรณีที่ซาอุดีอาระเบียถูกดึงเข้ามาอยู่ในความขัดแย้งโดยตรง
Facebook
Twitter
Email

ข่าวสารเพิ่มเติม

SEC ชะลอการตัดสินใจอนุมัติ Bitcoin ETF ของ BlackRock และ Valkyrie อีกครั้ง

ข้อเสนอ Bitcoin Spot ETF ของ Ark บริษัทจัดการสินทรัพย์, 21Shares บริษัทจัดการสินทรัพย์ คริปโต และ GlobalX บริษัทจัดการสินทรัพย์ ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตัดสินใจพร้อมกันในเดือนมกราคม พ.ศ. 2567

อ่านเพิ่มเติม

ราคา Bitcoin กลับมายืนเหนือระดับ 28,000 ดอลลาร์อีกครั้ง หลัง Fidelity ประกาศสนับสนุนเว็บเทรดแห่งใหม่

ราคา Bitcoin กลับมายืนเหนือระดับ 28,000 ดอลลาร์อีกครั้ง หลัง Fidelity ประกาศสนับสนุนเว็บเทรดแห่งใหม่

อ่านเพิ่มเติม