- สัปดาห์ที่ผ่านมาทองปรับบวกได้ดี แม้วันศุกร์จะโดนแรงขาย รับตัวเลขจ้างงานแกร่ง โดยภาพรวมแล้วมีแรงหนุนจากการที่เฟดส่งสัญญาณหยุดขึ้นดอกเบี้ย
- วันนี้มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญเยอรมนีได้แก่ การผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือนมี.ค. คาดการณ์ว่าออกมาน้อยกว่าเดิม หากเป็นไปตามที่คาดจะส่งผลเสียต่อราคาทองคำ
- วันนี้มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญยุโรปได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน เดือนพ.ค. คาดการณ์ว่าออกมามากกว่าเดิม หากเป็นไปตามที่คาดจะส่งผลดีต่อราคาทองคำ
- กองทุนทองคํา SPDR ล่าสุดซื้อเข้า 1.74 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 931.77 ตัน
ปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำอยู่ในช่วง Sideways
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันศุกร์ เนื่องจากการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐในเดือนเม.ย.ทำให้เกิดความวิตกว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก ซึ่งจะลดความน่าสนใจในการลงทุนทองคำ
- สภาทองคำโลก (WGC) เปิดเผยว่า ความต้องการทองคำทั่วโลกในไตรมาส 1/2566 ลดลง 13% สู่ระดับ 1,081 ตัน โดยความต้องการทองคำส่วนใหญ่มาจากกลุ่มผู้ผลิตอัญมณี ทั้งนี้ ความต้องการทองคำในอินเดียร่วงลง 17% แตะระดับ 5 ตัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 10 ไตรมาส เนื่องจากราคาทองคำภายในประเทศปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่นักวิเคราะห์ของ WGC คาดการณ์ว่า ความต้องการทองคำในอินเดียในปี 2566 จะอยู่ที่ 750-800 ตัน เมื่อเทียบกับระดับของปี 2565 ซึ่งอยู่ที่ 774.1 ตัน
- Fedwatch ของCMEGroup บ่งชี้ว่า มีโอกาส 3% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในการประชุมครั้งถัดไปในเดือนมิ.ย.
- ราคาทองคำเมื่อวันศุกร์เปิดที่ 2050 ดอลลาร์ โดยที่ราคาทองลงไประดับต่ำสุดที่ราคา 1999 ดอลลาร์ ก่อนราคาพุ่งขึ้นมาปิดที่ราคา 2016 ดอลลาร์
มุมมองทองคำทาง Technical
เมื่อวันก่อนราคาทองคำปิดลบ 34 ดอลลาร์ หลังตัวเลขการจ้างงานออกมาดีเกินคาด แต่ก่อนมีแรงช้อนซื้อกลับจากการที่เฟดส่งสัญญาณหยุดขึ้นดอกเบี้ย บวกกับที่ Fedwatch ของ CMEGroup บ่งชี้ว่า มีโอกาส 3.3% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในการประชุมครั้งถัดไปในเดือนมิ.ย. (+) ทั้งนี้ ความต้องการทองคำในอินเดียร่วงลง 17% แตะระดับ 112.5 ตัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 10 ไตรมาส เนื่องจากราคาทองคำภายในประเทศปรับตัวสูงขึ้น (-) ขณะที่ภาพรวมทองคำตอนนี้มองไปทิศทาง Sideways โดยวันนี้คาดว่าราคาทองคําจะวิ่งอยู่ในกรอบแนวรับที่ 2,000 ดอลลาร์ และ 1,990 ดอลลาร์ โดยมีแนวต้านที่ 2,040 ดอลลาร์ และ 2,050 ดอลลาร์
Technical View
แนวรับที่ 1 2000 แนวต้านที่ 1 2040
แนวรับที่ 2 1990 แนวต้านที่ 2 2050
หมายเหตุ : ข้อมูลข้างต้นอาจมีความคลาดเคลื่อน ผู้ลงทุนไม่ควรใช้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจออกคำสั่งซื้อขาย และควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
