logo

ข่าวเศรษฐกิจรอบโลกประจำวันที่ 18 มิถุนายน 2567

  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.21 จุด หรือ -0.2% มาอยู่ที่ระดับ 105.29 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.04 % มาอยู่ที่ระดับ 4.285% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้น 0.05 % มาอยู่ที่ระดับ 4.77% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี น้อยกว่า 2 ปี เท่ากับ-0.48% อยู่ในภาวะ inverted yield curve
  • นายนีล แคชคารี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขามินนิอาโปลิสกล่าวว่า การคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยครั้งเดียวในปีนี้เป็น “การคาดการณ์ที่สมเหตุสมผล” โดยจะรอจนถึงเดือนธ.ค.เพื่อลดดอกเบี้ย
  • นายออสตัน กูลส์บี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโกกล่าวว่า เขารู้สึกคลายกังวลหลังจากข้อมูลในสัปดาห์ที่แล้วพบว่า เงินเฟ้อในเดือนพ.ค.ชะลอตัวลง แต่เขาก็ยังต้องการเห็นข้อมูลแบบเดียวกันนี้อีกหลายเดือนก่อนที่จะลดอัตราดอกเบี้ย
  • นายฟิลิป เลน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวว่า อีซีบีเชื่อมั่นว่า อัตราเงินเฟ้อจะลดลงกลับมาที่เป้าหมาย 2% ในปีหน้า และอีซีบีต้องการเห็นโมเมนตัมในเงินเฟ้อภาคบริการลดลงในปีนี้เพื่อยืนยันถ้อยแถลงเรื่องเงินเฟ้อลดลง
  • นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) มีแนวโน้มที่จะตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเอาไว้ที่ระดับสูงสุดในรอบ 12 ปี ในการประชุมวันนี้ เนื่องจากธนาคารกลางพยายามควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับเป้าหมาย หลังจากเงินเฟ้อของออสเตรเลียปรับตัวสูงขึ้นอันเนื่องมาจากภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน
  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปีซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของจีนไว้ที่ระดับ 2.50% สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ โดยธนาคารกลางจีนได้คงอัตราดอกเบี้ย MLF ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าธนาคารกลางมีความระมัดระวังในการดำเนินโยบายผ่อนคลายทางการเงิน เมื่อพิจารณาจากสภาพคล่องในระบบที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก รวมทั้งการที่ธนาคารกลางเผชิญกับแรงกดดันในการปกป้องเงินหยวนไม่ให้อ่อนค่าลงอีก
  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ ส่วนดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮ โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่พุ่งขึ้นขานรับกระแสความนิยมปัญญาประดิษฐ์ (AI) ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐ และการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางนโยบายการเงินของเฟด
  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,778.10 จุด เพิ่มขึ้น 188.94 จุด หรือ +0.49%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,473.23 จุด เพิ่มขึ้น 41.63 จุด หรือ +0.77% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,857.02 จุด เพิ่มขึ้น 168.14 จุด หรือ +0.95%
  • โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่าดัชนี S&P500 จะปิดตลาด ณ สิ้นปี 2567 ที่ระดับ 5,600 จุด เพิ่มขึ้นตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ 5,200 จุด โดยบริษัทระบุว่าความแข็งแกร่งด้านเทคโนโลยีและกระแสการตอบรับ AI เป็นปัจจัยสนับสนุนการปรับเพิ่มคาดการณ์ดัชนี S&P500
  • เงินเฟ้ออังกฤษคาดว่าจะปรับตัวลดลงสู่กรอบเป้าหมายของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ที่ 2% ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี แต่สถานการณ์ดังกล่าวอาจช่วยรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีริชี ซูนัค ที่กำลังระส่ำระสายก่อนเผชิญศึกเลือกตั้งในวันที่ 4 ก.ค.นี้ได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
  • สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ราคาบ้านใหม่ในจีนปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 11 ในเดือนพ.ค. เนื่องจากภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนยังไม่มีแนวโน้มฟื้นตัว แม้ว่ารัฐบาลจีนพยายามใช้มาตรการควบคุมภาวะอุปทานล้นตลาดและสนับสนุนกลุ่มบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เผชิญปัญหาหนี้สินก็ตาม
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันจันทร์ เนื่องจากการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเป็นปัจจัยกดดันตลาด นอกจากนี้ นักลงทุนยังลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากสถานการณ์ตึงเครียดด้านการเมืองในฝรั่งเศสเริ่มผ่อนคลายลง
  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -14.54 เหรียญ หรือ -0.62% อยู่ที่ระดับ 2,318.1 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 20.10 เหรียญ หรือ 0.86% ปิดที่ 2,329.00 เหรียญ
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 8.1 เซนต์ หรือ 0.27% ปิดที่ 29.391 เหรียญ
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 12.30 เหรียญ หรือ 1.28% ปิดที่ 970.90 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 825.31 ตันภาพรวมเดือนมิถุนายน ขายสุทธิ 6.9 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. – ปัจจุบัน ขายสุทธิ 53.8 ตัน
  • นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยหลังจากสถานการณ์การเมืองในฝรั่งเศสคลายความตึงเครียด ภายหลังจากที่นางมารีน เลอ เปน ผู้นำพรรคเนชั่นแนล แรลลี (National Rally) ซึ่งเป็นพรรคขวาจัด กล่าวว่า ตนพร้อมทำงานร่วมกับประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง หากพรรคคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งในครั้งนี้
  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% ในวันจันทร์ โดยปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว ขานรับมุมมองบวกเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลก
  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 1.88 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 80.33 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 1.63 ดอลลาร์ หรือ 1.97% ปิดที่ 84.25 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมัน WTI และน้ำมันเบรนท์ต่างก็ปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. หลังจากปรับตัวขึ้นเกือบ 4% ในสัปดาห์ที่แล้ว โดยได้แรงหนุนจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส), สำนักงานพลังงานสากล (IEA) และสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ได้แสดงความเชื่อมั่นว่าอุปสงค์น้ำมันจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 ซึ่งจะช่วยให้สต็อกน้ำมันปรับตัวลดลง
  • ตลาดยังได้ปัจจัยบวกหลังจาก รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของซาอุดีอาระเบียยืนยันว่า กลุ่มโอเปกพลัสสามารถระงับหรือยกเลิกการเพิ่มกำลังการผลิต เพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดน้ำมัน
  • นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของจีนยังเป็นปัจจัยหนุนความหวังที่ว่าอุปสงค์น้ำมันในจีนจะปรับตัวสูงขึ้นด้วย โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า การลงทุนด้านการผลิตในจีนปรับตัวขึ้น 9.6% ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้
Facebook
Twitter
Email

ข่าวสารเพิ่มเติม

วิเคราะห์ทองคำประจำวันที่ 10/01/2024

ตลาดทองคำยังถูกกดดันจากการที่นักลงทุนปรับลดน้ำหนักต่อการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนมี.ค.ปีนี้ โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 65.7% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค. ซึ่งลดลงจากก่อนหน้านี้ที่ให้น้ำหนัก 79%

อ่านเพิ่มเติม

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อในคืนนี้ เพื่อหาทิศทางการปรับดอกเบี้ยของเฟด

นักลงทุนจับตาการประกาศตัวเลขดัชนี CPI ในวันคืนนี้ และตัวเลขดัชนี PPI ในวันพรุ่งนี้ เพื่อประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อและหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด

อ่านเพิ่มเติม

วิเคราะห์ทองคำประจำวันที่ 21/12/2023

นายราฟาเอล บอสติก ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตากล่าวว่า ขณะนี้ไม่มีความเร่งด่วนสำหรับเฟดที่จะลดอัตราดอกเบี้ย เมื่อดูจากความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ และความจำเป็นที่ต้องทำให้แน่ใจว่า อัตราเงินเฟ้อจะกลับมาสู่เป้าหมาย 2% ของเฟด

อ่านเพิ่มเติม