ข่าวคริปโตเคอร์เรนซี
- ราคาของ Bitcoin เกิดความผันผวนหนักราคาสวิงจาก 64,000 ดอลลาร์ แตะ 58,000 ดอลลาร์ ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ แต่ต่อมาก็ได้มีการปรับราคาฟื้นตัวกลับมาจุดเดิมที่ประมาณ 60,000 ดอลลาร์
- นักเทรดระดับพระกาฬ Peter Brandt เปลี่ยนเป้าชี้ราคา Bitcoin อาจพุ่งถึง $200,000 ในปี 2025
- ปริมาณการซื้อขาย Bitcoin ETF ทำลายสถิติสูงสุดตลอดกาล หลังพุ่งทะลุ 2.4 พันล้านดอลลาร์
- นักวิเคราะห์ชี้ ราคา XRP มีโอกาสกลับตัวและพุ่งขึ้นมากกว่า 20% แม้ตลาดคริปโตจะซบเซา
- Donald Trump กล่าวว่าจะไม่ต่อต้าน Bitcoin และสามารถอยู่กับมันได้
- กระเป๋าคริปโตที่คาดว่าเป็นของ Justin Sun ได้ช้อน ETH เกือบ 5 ร้อยล้านดอลลาร์ในเวลาเพียง 2 สัปดาห์
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- นางซูซาน คอลลินส์ ประธานธนาคารเฟดสาขาบอสตันกล่าวว่า เฟดควรใช้เวลาในการประเมินข้อมูลเศรษฐกิจก่อนที่จะทำการเปลี่ยนแปลงนโยบายใดๆ เพื่อให้แน่ใจว่า เฟดจะสามารถรับประกันด้านเสถียรภาพราคาและอัตราการจ้างงานสูงสุด
- นายจอห์น วิลเลียม ประธานเฟดสาขานิวยอร์กกล่าวว่า มีโอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้ โดยจะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจที่จะมีการเปิดเผยออกมา
- ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เผยปริมาณการปล่อยกู้แก่ภาคครัวเรือนยูโรโซเติบโตเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2015 หรือต่ำที่สุดในรอบกว่า 8 ปี หลังจากปรับเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนธ.ค.
- รองผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) กล่าวว่า แรงกดดันเงินเฟ้อยังคงอยู่สูงเกินไป และเขาต้องการจะเห็นหลักฐานมากกว่านี้ที่แสดงให้เห็นว่า แรงกดดันเงินเฟ้อลดลง ก่อนที่เขาจะพิจารณาเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ข่าวเศรษฐกิจสำคัญ
- นักวิเคราะห์ของธนาคารบาร์เคลย์สระบุว่า “จีนกำลังเผชิญกับปัจจัยหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ซึ่งรวมถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศที่อ่อนแอ, ยอดส่งออกที่อ่อนแอ, ความเสี่ยงที่ภาวะเงินฝืดและสถานะดุลต่างประเทศที่เริ่มแย่
- คันทรี การ์เดน บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของจีน เปิดเผยว่า บริษัทฯ กำลังถูกยื่นฟ้องบังคับชำระหนี้ เนื่องจากไม่สามารถชำระหนี้วงเงินกู้ระยะยาวมูลค่า 1.6 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง (204.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ได้
ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปรับตัวลดลงในการซื้อขายเมื่อวันพุธ เนื่องจากได้รับปัจจัยกดดันจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะลดความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 4.02 เหรียญ หรือ 0.2% อยู่ที่ระดับ 2,034.46 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 1.40 เหรียญ หรือ 0.07% ปิดที่ 2,042.70 เหรียญ
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 12.10 เซนต์ หรือ 0.53% ปิดที่ 22.636 เหรียญ
- สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 11.90 เหรียญ หรือ 1.33% ปิดที่ 885.10 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 1.44 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 825.5 ตันภาพรวมเดือนกุมภาพันธ์ ขายสุทธิ 25.65 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. – ปัจจุบัน ขายสุทธิ 53.61 ตัน
- การนำเข้าทองคำสุทธิรายเดือนของจีนผ่านฮ่องกงเพิ่มขึ้น 51% ในเดือนมกราคม สู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางปี 2018 จากช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมา
- นักยุทธศาสตร์ที่ Commerzbank ได้ปรับลดคาดการณ์ ราคาทองคำ ในช่วงปลายปีลง 50 ดอลลาร์เหลือ 2,100 ดอลลาร์ เหตุผลในการแก้ไขนี้คือมุมมอง คือคาดว่าอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐฯ จะลดลงน้อยกว่ามที่คาด จากปัจจุบัน 5.50% เหลือ 4.25% ภายในสิ้นปี 2568 ก่อนหน้านี้เราคาดว่าจะลดลงเหลือ 3.50%
- สมาคมทองคำแห่งมาเลเซีย (MGA) คาดการณ์ว่าราคาทองศจะเพิ่ม ขึ้นเป็น $2,200 ในปีนี้จาก $2,030 เหรียญสหรัฐในปัจจุบัน ท่ามกลางความต้องการทองคำที่เพิ่มมากขึ้น
ข่าวน้ำมัน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาดการณ์ในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาความเคลื่อนไหวของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตรอย่างใกล้ชิด
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 33 เซนต์ หรือ 0.42% ปิดที่ 78.54 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 3 เซนต์ หรือ 0.04% ปิดที่ 83.68 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 4.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 3.1 ล้านบาร์เรล
- กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) กำลังพิจารณาเรื่องการต่ออายุมาตรการปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจ เพื่อให้มาตรการดังกล่าวครอบคลุมช่วงไตรมาส 2 และกลุ่มโอเปกพลัสอาจจะดำเนินมาตรการนี้ต่อไปอีกจนถึงช่วงสิ้นปีนี้
- ยูเรเซีย กรุ๊ป (Eurasia Group) บริษัทให้คำปรึกษาด้านความเสี่ยง ระบุว่า อุปสงค์น้ำมันของจีนในปีนี้อาจลดลงครึ่งหนึ่งจากระดับก่อนเกิดโรคโควิด-19 ระบาด เนื่องจากภาคส่วนสำคัญ ๆ ของเศรษฐกิจจีนเผชิญปัญหาจากภาวะชะลอตัว เช่น ภาคอสังหาริมทรัพย์และยานยนต์